การให้เงินเยียวยา

 

 ความไม่เป็นธรรมของการให้เงินเยียวยา 5000 บาทแก่ประชาชน

             ตั้งแต่เริ่มโครงการที่รัฐบาลจะแจกเงินช่วยเหลือประชาชนเพราะเห็นว่าประชาชนกำลังเดือดร้อนในเรื่องของบริษัทที่ทำงานอยู่กิจการชั่วคราวหรือแม้แต่บางบริษัทไม่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการจำเป็นต้องเลิกจ้างพนักงานโดยทางรัฐบาลเล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนว่าเมื่อตกงานไม่มีงานทำก็จะไม่มีเงินใช้จ่ายในครัวเรือนเป็นได้มีการตั้งโครงการเราไม่ทิ้งกัน

เกิดขึ้นเพื่อที่จะได้ช่วยเหลือประชาชนโดยกำหนดให้ประชาชนเข้าไปทำการลงทะเบียนบอกถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นบอกลักษณะของงานที่ถามว่าทำงานเกี่ยวกับอะไรเดือดร้อนยังไงแล้วจะมีการโอนเงินไปช่วยเหลือคนละ 500 บาทรัฐบาลประกาศออกมาว่าจะช่วยเหลือประมาณ 3 เดือนซึ่งเมื่อคิดเป็นยอดเงินแล้วก็จะได้เงินกลับมาคนละ 15,000 บาท

แต่เมื่อประชาชนต่างพากันไปลงทะเบียนและยอดคนลงทะเบียนเกินกว่าที่รัฐบาลมีการคาดการณ์ไว้หลายเท่าตัวมากทำให้การพิจารณาการช่วยเหลือแทนที่จะช่วยเหลือทุกคนจำเป็นต้องมีการคัดคนออกเพราะว่าเงินที่มีงบที่จะช่วยเหลือประชาชนนั้นไม่เพียงพอต่อการช่วยเหลือสำหรับความคิดเห็นของประชาชนในการช่วยเหลือคือหักไปลงทะเบียนก่อนคนนั้นก็จะได้เงินก่อนซึ่งแน่นอนว่ารัฐบาลย่อมต้องออกมาปฏิเสธเกี่ยวกับความคิดนี้แต่ในความเป็นจริงแล้วเราจะเห็นได้จากข่าวที่มีการออกมาว่าคนที่ได้เงินก่อนนั้น

เป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริงลงทะเบียนแค่อยากจะรู้ว่าจะได้รับเงินจริงๆหรือไม่โดยสร้างเรื่องขึ้นมาว่าตนเองลำบากทั้งที่ความจริงแล้วไม่ได้ลำบากอะไรเลยในขณะที่ชาวบ้านจริงๆลงทะเบียนไม่ค่อยเป็นจริงต้องมาลงทีหลังเพราะให้คนอื่นทำให้กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือหลายคนเรียกร้อง

และรอรับเงินเดือนนานจนรอไม่ไหว ถึงขั้นฆ่าตัวตายก็มีและบางคนก็ถูกปฏิเสธไม่ให้รับเงินด้วยเหตุผลที่เป็นเท็จอย่างเช่นส่งเรื่องว่าเป็นพ่อค้าแต่ตอบปฏิเสธกลับมาว่าตรวจสอบพบว่าเป็นเกษตรกรหรือบางคนเป็นนักศึกษาที่หางานทำพิเศษก็ไม่ได้รับเงินเยียวยาซึ่งเหตุผลเหล่านี้เองที่หลายคนมองว่าเกิดความไม่เป็นธรรมในการแจกเงินช่วยเหลือประชาชน

หากเทียบกับต่างประเทศที่ทุกคนได้รับเหมือนกันหมดไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือคนจนและจำนวนเงินก็เท่าเทียมกันโดยไม่ต้องมองว่าประชาชนนั้นทำงานอะไรนี่แหละคือความเป็นธรรมต่อทุกคน

ต้องเสียภาษีเหมือนกันทั้งหมดดังนั้นเวลาที่ได้รับความช่วยเหลือก็ควรจะได้รับความช่วยเหลือด้วยการเท่าเทียมกันไม่ควรแบ่งแยกว่าทำงานอะไรแล้วถึงจะได้เงินช่วยเหลือและไม่ได้เงินช่วยเหลือเพราะถึงแม้ว่าจะเป็นคนรวยแต่แม้แต่ช่วงวิกฤตเช่นนี้คนรวยก็สามารถกลับมาจนได้เหมือนกัน

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8 fast