เคลียร์กันให้ชัด กับประกันสังคม

หลังจากมีการถกเถียงกันมาอย่างยาวนานนั้น หลังจากที่มีโรคใหม่อย่างโควิดกำเนิดขึ้นมาในประเทศไทย และเป็นโรคที่ยังไม่สามารถหายาต่อต้านได้โดยตรง และอีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อ หรือรักษาค่อนข้างสูง จึงเป็นประเด็นทางสังคมว่า การรักษาผู้ป่วยที่ได้รับการติดเชื้อโควิด19 นั้น อยู่ในข่ายของประกันสังคมหรือไม่ จนล่าสุด คณะกรรมการประกันสังคมได้ออกมาแจ้งอย่างชัดเจนแล้วว่า ทางประกันสังคมจะจ่ายค่าบริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตน หรือสถานพยาบาลในหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้

-กรณีที่เข้ารับบริการทางการแพทย์ในสถานพยาบาลของรัฐ ประเภทผู้ป่วยนอก

-กรณีที่เข้ารับบริการทางการแพทย์ในสถานพยาบาลเอกชน

-ค่าพาหนะ ในกรณีจำเป็นต้องส่งต่อภายในจังหวัดเดียวกัน โดยจ่ายตามจริง

-กรณีที่สำนักงานฯ เห็นว่าผู้ประกันสังคมสมควรได้รับค่าบริการทางการแพทย์นอกเหนือจากที่กำหนด สำนักงานจะต้องจ่ายภายใต้คำแนะนำของคณะกรรมการแพทย์

ซึ่งอย่างไรก็ตามนั้นเมื่อผู้ประกันตนมีอาการป่วย มีไข้หรือเจ็บคอ หรือมีอาการร่วมอื่นๆ ในเบื้องต้น ขอให้แนะนำเข้ารับการรักษากับสถานพยาบาลที่เลือกไว้ก่อน เนื่องจากหากไม่เข้าเกณฑ์เป็นไวรัสโควิด จะสามารถรักษาอาการ ของโรคที่เป็นได้เลย แต่หากผู้ประกันตนไม่สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลที่เลือกไว้นั้น ผู้ประกันตนสามารถเข้ารักษาในโรงพยาบาลที่ตัวเองสะดวกได้ ทั้งในภาครัฐและเอกชน

และหากผมว่ามีการติดเชื้อไข้ไวรัสโควิดจริงนั้น ก็สามารถรักษาต่อที่โรพยาบาลนั้นได้เลย โดยไม่ต้องแจ้งโรงพยาบาลตามสิทธิ และไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ซึ่งโรงพยาบาลที่รักษา จะทำการเบิกค่าใช้จ่ายจากสำนักงานประกันสังคมตามหลักเกณฑ์เอง ซึ่งนโยบายที่ออกมารับผิดชอบนี้ เป็นการรับผิดชอบร่วมกันทั้งสามหน่วยงานหลัก ที่ประกอบไปด้วย

กรมบัญชีกลาง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานประกันสังคม ที่ได้ตกลงร่วมกันในการให้การรักษาแก่ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง หรือผู้ที่ป่วยในโรคโควิด19 ให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันทั้งสามหน่วยงาน ทั้งนี้ทางสำนักงานประกันสังคม จะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะคอยรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นจากผลกระทบภาวะวิกฤติ ไข้ไวรัสระบาด ทุกด้าน เพื่อหาแนวทางการกำหนดมาตรการแก้ไขให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในครั้งต่อๆไป ซึ่งอยากให้ทางประชาชนผู้ประกันตนได้มั่นใจว่าทางสำนักงานประกันสังคมเองนั้น

พร้อมที่จะดูแลและเยียวยาผู้ประกันตนทุกท่านให้ได้รับความเป็นธรรม และพร้อมที่จะพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพบนพื้นฐานการพัฒนากันแบบยั่งยืน ให้เกิดความมั่นคงต่อชีวิตประชาชนผู้ประกันตน และสุขภาพของประชาชนและผู้ประกันตนทุกคน อีกทั้งยังจะคอยหามาตรการเยียวยาผู้ประกันตนในกรณีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้ไวรัสนั้น มีการยืดเยื้อและเนิ่นนานต่อไปในอนาคต เพื่อคอยที่จะบรรเทาให้ความเป็นอยู่ของผู้ประกันตน ดีขึ้น